ยุคเศรษฐกิจแปรปรวนบ่อยพอ ๆ กับสภาพอากาศโลกแบบนี้ ทำให้หลายคนหวั่นวิตกกับความมั่งคงทางการงานของตน ยิ่งช่วงนี้องค์กรใหญ่ ๆ เองก็มีการปลดพนักงานหลายแห่งด้วยกัน ทำให้มีจำนวนคนตกงานและว่างงานเพิ่มสูงขึ้น ทั้งที่ถูกเลิกจ้าง และที่ตัดสินใจลาออกจากงานด้วยตนเอง
สำหรับคนที่อายุยังน้อยอาจหางานใหม่ได้ไม่ยาก ยิ่งเดี๋ยวนี้เด็กจบใหม่มีความรู้ความสามารถกันเยอะ เพราะวิวัฒนาการด้านการศึกษาก้าวหน้ากว่าเมื่อก่อน ทำให้คนรุ่นหลังค่อนข้างมีเครดิตดีและมีโอกาสที่จะถูกจ้างได้มากกว่าคนรุ่นเก่าก่อน รวมไปถึงผู้ที่เริ่มจะเข้าสู่วัยกลางคนด้วยเช่นกัน และถึงแม้ว่าบางคนจะลาออกเองด้วยเหตุผลอื่น ๆ แต่ด้วยภาระและค่าใช้จ่ายที่มีอยู่ จะต้องเตรียมตัวรับมืออย่างไรดี วันนี้เราจะมาบอกสิ่งที่ควรทำหลังจากถูกเลิกจ้าง หรือเมื่อลาออกจากงาน เพื่อให้มีหนทางได้ก้าวในสเต็ปต่อไป
ติดต่อประกันสังคม
อันดับแรกที่ควรทำ หลังจากถูกเลิกจ้างหรือลาออกจากงาน คือ จัดการเรื่องเงินประกันสังคม โดยรีบไปทำการติดต่อสำนักงานประกันสังคม เพื่อรักษาสิทธิและประโยชน์ที่เราพึงได้รับ โดยเตรียมเอกสารไปยื่นขอสิทธิชดเชยประกันสังคม กรณีที่ถูกเลิกจ้างจะได้รับเงินชดเชยในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ย และได้รับไม่เกิน 180 วัน ส่วนกรณีลาออกจากงานจะได้รับเงินชดเชยประกันสังคมไม่เกิน 90 วัน ในอัตราร้อยละ 30 ของค่าจ้างเฉลี่ย
เคลียร์เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
หากเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ จะได้รับเงินก้อนเมื่อออกจากงาน ทำให้มีเงินสำรองไว้ใช้จ่ายในช่วงว่างงาน แต่ถ้าหากยังไม่มีความต้องการใช้เงินก้อนนี้ สามารถที่จะคงไว้ในระบบก่อนได้ โดยอาจรอเพื่อโอนย้ายไปยังกองทุนของบริษัทใหม่ในอนาคต เพราะถ้าหากคุณนำเงินออกจากกองทุนก่อนการเกษียณอายุ อาจทำให้เสียผลประโยชน์ คือ คุณจะได้เงินสมทบไม่เต็มจำนวนตามที่ควรจะได้รับ ดังนั้น ก่อนจะทำการเบิกเงินกองทุนใด ๆ ควรทำการศึกษาข้อมูลและเงื่อนไขต่าง ๆ เสียก่อน เพื่อปกป้องผลประโยชน์และลดความเสี่ยงที่อาจทำให้คุณเสียเปรียบ
ตรวจสอบการเงิน
ควรทำการตรวจสอบสภาพการเงินในปัจจุบันของคุณเอง โดยคำนวณรายจ่าย ภาระหนี้สินทั้งหมดที่ต้องจ่ายทุกเดือน และ ช่องทางรายได้ หรือทรัพย์สินที่เหลืออยู่ มีความบาลานซ์หรือต่างกันมากน้อยเพียงใด ควรตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย และให้สมดุลกับรายได้ที่มีให้มากที่สุด เป็นการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ทางการเงินได้อย่างเหมาะสม
เก็บรักษาเงินก้อนที่มีอยู่ให้ได้นานที่สุด
หากมีเงินก้อนหรือรายได้จากช่องทางใดก็ตามในระหว่างที่ว่างงาน อย่าเพิ่งรีบร้อนใช้เงินก้อนนั้นให้หมดในทันที ไม่ว่าจะนำไปปลดหนี้จนหมด หรือนำไปใช้กับสิ่งใดก็ตาม แต่ควรนำเงินก้อนที่มีอยู่มาแบ่งสรรปันส่วนเพื่อจัดการใช้จ่ายอย่างชาญฉลาด โดยแบ่งในส่วนค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และชำระหนี้สินอื่น ๆ เช่น ค่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่างวดรถ ค่าโทรศัพท์ ค่าบัตรเครดิต ค่ากิน ค่าเดินทาง เป็นต้น โดยควรคำนวณให้พอใช้จ่ายได้อย่างน้อยประมาณ 5-6 เดือน เพื่อรองรับการดำรงชีวิตได้อย่างปกติ จนกว่าจะได้งานใหม่ หรือมีรายได้ในช่องทางใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น
ปรับพฤติกรรมการใช้เงิน
หลังจากทำการตรวจสอบการเงินเรียบร้อย จะทำให้คุณเห็นทิศทางการเงินของคุณเอง ค่าใช้จ่าย และ รายได้ที่มีอยู่ทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่า รายได้ของคุณลดลง ดังนั้น จะต้องทำการปรับพฤติกรรมการใช้เงินของคุณอย่างเร่งด่วน เพื่อให้เกิดความสมดุลให้มากที่สุดระหว่างรายจ่ายและรายได้ โดยเรียงลำดับความสำคัญในการเลือกจ่ายค่าอุปโภคและบริโภค รวมถึงภาระหนี้สินที่ส่งผลกระทบต่อเครดิต ที่จะต้องยังคงเลือกไว้ให้อยู่ในส่วนรายจ่ายที่จำเป็น
มองหางานใหม่
หลายคนที่เมื่อตกงานจะรีบหางานใหม่ทันที โดยไม่ได้คำนึงถึงเนื้องานกับความชอบของตน ทำให้บ่อยครั้งที่ทำงานได้ไม่นานก็ลาออกไปหางานใหม่ และวนลูปอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ทำให้ทำงานที่ไหนก็ไม่ทนและอยู่ไม่นาน แน่นอนว่างานที่มีสภาพแวดล้อมดีครบองค์ประกอบไปด้วย เจ้านายดี เนื้องานตรงใจ เพื่อนร่วมงานเป็นมิตร และ ผลตอบแทนคุ้มค่า หายากเหมือนดั่งงมเข็มในมหาสมุทร แต่ถ้าหากใครสามารถหางานที่มีสิ่งเหล่านี้สัก 2 ใน 4 ก็จะช่วยให้ทำงานได้ยาวนานยิ่งขึ้น และยิ่งเจอครบองค์ประกอบทั้งหมด ยิ่งส่งเสริมให้ทำงานได้อย่างยาวนานจนกระทั่งเกษียณอย่างแน่นอน
ทำงานฟรีแลนซ์
เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ต้องการจะทำงานอิสระ ไม่ต้องเป็นลูกน้องคอยรองรับอารมณ์หรือคำสั่งจากใคร แต่ใช่ว่าจะทำได้สมปรารถนากันทุกคน ยิ่งสภาวะเศรษฐกิจที่ไร้ความแน่นอน หาความมั่นคงไม่ค่อยได้ในยุคปัจจุบัน ย่อมทำให้หลายคนไม่กล้าที่จะตัดสินใจได้เด็ดขาดที่จะก้าวออกมาใช้ชีวิตตามแบบที่ตัวเองต้องการ ดังนั้น ในช่วงเวลาว่างงานนี้เอง ที่ถือเป็นโอกาสสำคัญให้คุณได้ลองทำในสิ่งที่อยากจะทำ หรือตั้งเป้าไว้จะทำในอนาคต เพียงแต่ได้เริ่มมันเร็วขึ้นเท่านั้น โดยลองหาสิ่งที่ตัวเองทำได้ หรือมีความสามารถ และเริ่มจากการรับงานฟรีแลนซ์เล็ก ๆ ที่ทำด้วยตัวเองคนเดียวได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาระบบอื่น ๆ ให้ยุ่งยาก เหมือนระบบองค์กรหรือสำนักงาน เมื่อทำไปเรื่อย ๆ อาจพบลู่ทางที่จะนำมาเป็นอาชีพหลัก หรือรายได้หลักให้กับคุณ โดยไม่ต้องกลับไปเป็นพนักงานเดือนอีกต่อไป
พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
หาความรู้ใหม่ ๆ ที่เคยสนใจแต่ไม่มีโอกาสได้ทำในช่วงที่ทำงานประจำ หรือ อัพสกิลความสามารถตนเองที่มีอยู่แล้วให้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อจะได้เป็นการอัพตัวเองและนำไปใช้ในการสมัครงานที่ใหม่ ในตำแหน่งงานที่ต้องการ ที่อาจสูงกว่าเดิม ผลตอบแทนมากกว่าเดิม หรือเปลี่ยนแนวรูปแบบงานไปเลย เผื่อจะเป็นงานที่ตอบโจทย์กับความต้องการของคุณได้มากกว่าเดิม
อย่ามัวแต่พะวงกับการหางานใหม่ ลองให้โอกาสตนเองได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เพื่อได้พัฒนาศักยภาพตนเอง เช่น ภาษาต่างประเทศ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ งานฝีมือ เพราะนอกจากจะนำไปใช้ในการสมัครงานที่ใหม่ ไม่แน่นะ การอัพสกิลตัวเองอาจทำให้คุณมีงานที่ทำได้ด้วยตัวคุณเอง โดยไม่จำเป็นต้องกลับไปเป็นลูกจ้างใครอีกเลย