แมวสามารถมีไข้ได้เหมือนคน หากร่างกายมีการตอบสนองต่อภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ เพื่อต้านและกำจัดแบคทีเรียที่เข้าสู่ร่างกาย และการที่ร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้นจากการเป็นไข้จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดสำหรับไปซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ได้รับความเสียหาย หรือมีอาการบาดเจ็บ แม้ว่าการที่แมวเป็นไข้ส่วนใหญ่จะไม่เป็นอันตราย แต่ก็มีบางกรณีที่แมวมีไข้แล้วเป็นอันตรายได้ จึงต้องทำการลดไข้เพื่อให้น้องแมวฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และลดความเสี่ยงต่ออาการรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งมียาลดไข้แมวที่สามารถให้กินได้ ประกอบกับการดูแลแมวไม่ให้เกิดความเครียด ก็จะช่วยให้น้องแมวหายไข้กลับมาเป็นปกติได้เร็วขึ้น 

วิธีลดไข้แมวด้วยตนเองที่บ้าน 

แมวมีไข้ ดูยังไง 

การสังเกตอาการแมวเป็นไข้ ซึ่งปกติการวัดไข้แมววัดทางรูก้นของแมว ถ้าไม่สามารถวัดไข้น้องแมวด้วยการใช้ปรอทได้ ให้สังเกตจากอาการต่อไปนี้ 

  • ตัวสั่น
  • อ่อนเพลีย
  • มีอาการซึม
  • หายใจหอบถี่
  • ไม่อยากอาหาร
  • ไม่ร่าเริง นิ่งผิดปกติ
  • ขนร่วงเยอะเป็นพิเศษ
  • ไม่ค่อยเลียแต่งขนตัวเองตามปกติ
  • เก็บตัว ไม่สุงสิงกับเจ้าของหรือกับแมวตัวอื่นตามปกติ

บางครั้งการที่น้องแมวมีไข้อาจเกิดจากการเจ็บป่วยด้วยโรคอื่น จึงต้องสังเกตอาการอื่นร่วมด้วย เช่น 

  • อาเจียน 
  • ไอ จาม 
  • ท้องเสีย 
  • ผิวบวมพอง 

เพราะหากมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือนอกเหนือจากนี้ร่วมด้วย หรือแม้แต่การที่แมวมีไข้ไม่แสดงอาการอะไร ก็ควรพาแมวไปหาสัตวแพทย์ให้เร็วที่สุดจะดีกว่า 

วิธีวัดไข้แมวด้วยตนเอง 

แม้ว่าจะสามารถสังเกตอาการภายนอกได้ว่าน้องแมวมีไข้หรือไม่ แต่ควรวัดไข้แมวด้วยเทอร์โมมิเตอร์วัดไข้แมวเพื่อคอนเฟิร์มอีกครั้ง โดยสามารถวัดไข้แมวทางก้นหรือทางหูได้เลย 

อุปกรณ์วัดไข้แมว 

ก่อนจะทำการวัดไข้แมว ควรเตรียมอุปกรณ์ดังต่อไปนี้ 

  • เทอร์โมมิเตอร์ หรือปรอทวัดไข้แมว 
  • เจลปิโตเลียม (เพื่อใช้สำหรับทำการหล่อลื่น ไม่ให้น้องแมวเจ็บ) 
  • แอลกอฮอล์ 
  • กระดาษทิชชู่
  • ขนมแมว (ไว้ปลอบใจน้องแมว) 

วิธีใช้ปรอทวัดไข้แมว

การวัดไข้แมว ใช้เทอร์โมมิเตอร์ดิจิตอลจะดีที่สุด แต่ถ้ามีปรอทวัดไข้แท่งแก้ว ให้เขย่าจนปรอทลงมาต่ำกว่าเส้น 35 ํC เสียก่อน  

  • ใช้เจลปิโตเลียมเคลือบปรอทก่อนเพื่อความหล่อลื่น (กรณีวัดไข้ทางก้น)
  • ใช้แขนข้างหนึ่งอุ้มประคองแมว แล้วยกหางเปิดขึ้นให้เห็นรูทวาร 
  • จับหนังคอหลังยืดขึ้น (วิธีเดียวกับที่แม่แมวคาบลูกแมว แมวจะรู้สึกปลอดภัยและสงบขึ้น) 
  • เสียบปรอทวัดไข้ทางรูก้นแมวให้ลึกประมาณ 1 นิ้ว ถ้าเป็นปรอทวัดไข้ให้เสียบคาไว้ 2 นาที ถ้าเป็นดิจิตอล เสียบปรอทเข้ารูก้นโดยให้หัวอ่านอยู่ในรูก้น แล้วกดปุ่มเปิดเครื่อง รอจนได้ยินเสียงร้องเตือน แล้วนำออก
  • อ่านอุณหภูมิที่วัดได้ 
  • ทำความสะอาดปรอทด้วยแอลกอฮอล์ล้างแผล
  • ใช้กระดาษทิชชู่เช็ดให้แห้ง  
  • ให้ขนมแมวเลียเพื่อปลอบใจน้องแมว 

แต่ถ้าไม่สามารถวัดไข้น้องแมวด้วยตนเองได้ ควรพาไปพบสัตวแพทย์ 

อุณหภูมิแมวปกติเท่าไหร่ 

โดยปกติอุณหภูมิแมวอยู่ที่ประมาณ 38 ํC – 39 ํC (100.5 – 102.5 ํF) หากวัดไข้น้องแมวแล้วได้ค่าอุณหภูมิสูงกว่า 39 ํC (102 ํF) แสดงว่ามีไข้สูงมาก เป็นอันตรายต่ออวัยวะภายในได้ ให้รีบพาแมวไปพบสัตวแพทย์โดยด่วนที่สุด 

ปรอทวัดไข้คนใช้กับแมวได้ไหม 

ควรใช้ปรอทวัดไข้แมวเฉพาะ หรือ ปรอทวัดไข้เด็กเล็ก 

ปรอทวัดไข้แมวซื้อที่ไหน

สามารถหาซื้อได้ตามคลินิกสัตว์ ร้านขายอุปกรณ์สัตว์เลี้ยง หรือช้อปปิ้งออนไลน์ทั่วไป 

สำรวจร่างกายน้องแมวเพื่อหาสาเหตุที่อาจทำให้มีอาการไข้ขึ้น

ใช้นิ้วกดเบา ๆ ตามจุดต่าง ๆ ของร่างกายน้องแมวเพื่อดูว่ามีอาการบาดเจ็บอื่น ๆ ร่วมด้วยหรือไม่ เช่น มีแผลติดเชื้อ มีฝีหนอง กระดูกหัก ต่อมน้ำเหลืองโต หรือมีเนื้องอก เพราะอาการเหล่านี้จะทำให้เกิดอาการไข้ขึ้นได้ หรือถ้ามีกระดูกหักจะได้รู้ด้วย เพราะกรณีกระดูกหักจะไม่สามารถมองเห็นได้ นอกจากการคลำสำรวจร่างกาย เมื่อกดโดนบริเวรที่กระดูกหักหรือแตก แมวจะแสดงอาการเจ็บปวดออกมา 

กรณีที่ต่อมน้ำเหลืองโต จะคลำเจอแถว ๆ ใต้ขากรรไกร และแถว ๆ ไหล่ของแมว หรืออาจเป็นที่ด้านหลังของขา หรือบวมแถวขาหนีบ หากพบอาการใดอาการหนึ่งดังกล่าว ให้รีบพาน้องแมวไปพบสัตวแพทย์โดยเร็วที่สุด  

วิธีลดไข้แมวตัวร้อนทั่วไป 

กรณีน้องแมวมีไข้อันเนื่องจากร่างกายตอบสนองตามธรรมชาติ โดยไม่เป็นอันตรายอื่น ๆ ร่วม สามารถทำให้แมวตัวเย็นลงได้ด้วยวิธีต่อไปนี้ 

  • เตรียมน้ำดื่มสะอาดไว้ใกล้ ๆ น้องแมว เพราะเมื่อน้องแมวเป็นไข้มักจะทำให้ขาดน้ำ หากแมวไม่ยอมดื่มน้ำหรือดื่มน้ำเองไม่ได้ ให้คอยหมั่นป้อนน้ำโดยใช้ไซริงค์ หรือใช้ฟองน้ำชุบน้ำอุ่นนิด ๆ คอยบีบใส่ปากและเหงือกแมวเพื่อระบายความร้อน และเพื่อให้น้องแมวได้รับน้ำเพียงพอ ช่วยลดไข้ได้ด้วยเช่นกัน

  • ให้น้องแมวอยู่ในห้องที่มีอุณหภูมิเย็นกว่าห้องอื่น ๆ เช่น ห้องมืด ๆ หรือปูพื้นกระเบื้อง หรือพื้นหิน  
  • ตั้งพัดลมที่พื้น เพื่อให้ลมเย็น ๆ พัดไปทางน้องแมว 
  • เช็ดตัวน้องแมวด้วยผ้าขนหนูอ่อนนุ่มเนื้อละเอียดชุบน้ำบิดหมาด หรือใช้สเปรย์พ่นน้ำพอให้ขนชื้น ๆ เมื่อน้ำระเหยออกจะช่วยลดไข้ให้น้องแมวได้ระดับหนึ่ง 

กรณีแมวอาเจียนหรือมีอาการท้องเสียร่วมด้วย อาจใช้เกลือแร่สำหรับเด็ก หรือ เกเตอเรด (Gatorade) ให้แมวที่มีไข้ดื่ม เพื่อปรับสมดุลเกลือแร่ในร่างกายแมว โดยการดูดเกลือแร่ใส่กระบอกฉีด ไซริงค์ แล้วป้อนให้น้องแมวดื่ม หากน้องแมวไม่ยอมดื่มหรือคายออกตลอดที่ป้อน ให้ลองนำไปแช่เป็นน้ำแข็งเพื่อให้น้องแมวเลียแทน เพราะแมวบางตัวก็ชอบที่จะเลียน้ำแข็งแทนการดื่มน้ำ อีกทั้งความเย็นจะช่วยลดไข้แมวได้ด้วย 

อาหารจำเป็นมากสำหรับแมวป่วย 

ขณะที่แมวป่วยหรือแมวมีไข้ ร่างกายจะต้องใช้พลังงานมหาศาล ทำให้น้องแมวอ่อนแอ และอาจไม่อยากกินอาหาร จึงต้องเสริมด้วยอาหารอ่อนหรืออะไรนิ่ม ๆ เช่น อาหารเปียกสำหรับแมว ทูน่ากระป๋อง ไข่คน หรือนำอาหารไปปั่นเพื่อให้อาหารนิ่มและทานง่ายขึ้น  

หากแมวไม่ยอมกินอาหารทุกชนิด ให้ป้อนอาหารแมวป่วย หรืออาหารลูกแมว (หาซื้อได้ตามร้านจำหน่ายอาหารและอุปกรณ์สัตว์เลี้ยง หรือคลินิกสัตว์) โดยป้อนด้วยการใช้ไซริงค์ (กระบอกฉีดยาแบบไม่มีเข็ม) ที่ความจุ 5 cc – 10 cc และเวลาป้อน ให้สอดปลายกระบอกเข้าที่มุมปากตรงส่วนที่ติดกับแก้มแมว เพราะเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติของหมาและแมวที่จะกลืนอาหารที่ได้รับบริเวณนี้ 

ห้าม ให้แมวดื่มนมเด็ดขาด! เพราะแลคโตสในนมอาจจะยิ่งทำให้แมวคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย และป่วยรุนแรงยิ่งขึ้น อันตรายมาก 

ห้ามซื้อยาลดไข้แมวเองเด็ดขาด! แต่ควรพาน้องแมวไปพบสัตวแพทย์เพื่อให้หมอจัดยาได้เหมาะสมกับอาการและน้ำหน้กของแมว การซื้อยาลดไข้แมวเองเสี่ยงต่ออันตรายกับน้องแมวอย่างยิ่ง 

หากไม่มั่นใจในเรื่องอาหารและยาที่สามารถให้น้องแมวป่วย ควรขอคำแนะนำจากสัตวแพทย์ก่อนเสมอ 

ทั้งหมดในบทความนี้เป็นวิธีการลดไข้แมวด้วยตนเองอยู่ที่บ้านในกรณีที่น้องแมวไข้ขึ้นแบบไม่มีอันตราย หากมีไข้สูงมากและไม่มั่นใจในการดูแลแมวด้วยตนเอง ควรรีบพาไปหาสัตวแพทย์จะดีที่สุด เพื่อความปลอดภัยของน้องแมว และเพื่อรักษาแมวแสนรักให้มีสุขภาพดีอยู่กับคุณไปนาน ๆ