เมื่อกระแสสังคมเริ่มหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมกันอย่างจริงจังมากขึ้น เราก็อยากมีส่วนร่วมในการดูแลและรักษ์โลกมากขึ้น เพราะต้องยอมรับว่า สภาพอากาศที่เลวร้ายขึ้นทุกวัน สิ่งแวดล้อมที่ย่ำแย่ลงทุกที เป็นผลกระทบที่เกิดมาจากการกระทำของพวกเราทุกคน มากบ้าง น้อยบ้าง โดยตรงหรือทางอ้อม แต่ก็มีส่วนด้วยกันทั้งนั้น คิดได้แบบนี้ก็รู้สึกผิดที่เราอาศัยทรัพยากรทุกอย่างในโลกใบนี้ แต่กลับตอบแทนด้วยการทำร้ายสิ่งแวดล้อมรอบตัว
ตั้งแต่เรื่องเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย แฟชั่นที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว จนโรงงานผลิตเสื้อผ้าไม่เคยได้หยุดพัก พลาสติกที่ใช้กันอย่างฟุ่มเฟือย หรือจะเดินไปแค่หน้าปากซอยก็ยังต้องขี่มอเตอร์ไซค์ รวมไปถึงอาหารการกิน ที่ยังมีหลายคนไม่เห็นคุณค่าอาหาร กินทิ้งกินขว้าง จนขยะอาหารกลายเป็นปัญหาที่กลับมาทำร้ายพวกเราทุกคนโดยไม่รู้ตัว
ซึ่งเราก็เป็นอีกคนที่เมื่อก่อนซื้อเสื้อผ้าบ่อยแทบทุก ๆ 2 เดือน จนเสื้อผ้าล้นตู้ แต่เมื่อได้มาตระหนักรู้ถึงผลกระทบในเรื่องของ Fast fashion ก็หยุดพฤติกรรมของตัวเอง จะซื้อเสื้อผ้าเมื่อจำเป็นเท่านั้น หรือเห็นแล้วรู้สึกชอบจริง ๆ จะหยุดคิดนานกว่าเดิม เดินไปดูอย่างอื่นก่อน ถ้ายังต้องการและไม่ได้ซื้อเสื้อผ้ามานานกว่า 4 – 5 เดือนก็อาจตัดสินใจซื้อสักตัว เพื่อสนองความต้องการของตัวเอง แต่ก็ต้องใส่ให้คุ้มค่าเช่นกัน และแน่นอนว่าผ้าที่เราเลือกซื้อ ต้องใช้ได้นาน ใส่ได้ทน จะได้ไม่ต้องซื้อบ่อย ๆ และมักจะรื้อหาเสื้อผ้าที่ยังมีสภาพดีแต่ไม่ค่อยได้ใส่ นำไปบริจาคตามที่ต่าง ๆ เพื่อจะได้เป็นการหมุนเวียนทรัพยากร
เราพกกล่องอาหาร แก้วน้ำ และถุงผ้าเสมอ เพื่อจะได้ลดการใช้ถุงพลาสติกในการซื้อของ รวมไปถึงการหิ้วปิ่นโตเมื่อจะไปซื้อกับข้าวเป็นประจำ ซึ่งทำมานานหลายปีแล้ว แม้ว่าบางครั้งอาจจะได้พลาสติกมาจากถุงขนม หรือสินค้าที่เขาแพ็คสำเร็จมาแล้ว แต่ก็ยังถือว่าได้ช่วยลดจำนวนการใช้พลาสติกไปได้อยู่บ้าง และจะเก็บพวกกล่องพลาสติก ขวดพลาสติก หรือแก้วพลาสติกล้างให้สะอาดแล้วนำไปส่งสถานที่รับบริจาค หรือบริเวณแยกขยะเพื่อนำไปคัดแยกในการรีไซเคิลต่อไป และแน่นอน เราจะทำการแยกขยะที่บ้านด้วยเช่นกัน ทำให้เพื่อนบ้านหลายคนสงสัยตลอด อยู่คนเดียวแต่ทำไมหิ้วถุงขยะไปทิ้งหลายใบเหมือนอยู่กันหลายคน (เราเช่าห้องอาศัยอยู่ในย่านชุมชนกลางเมืองกรุงเทพ) เพราะเราจะแยกขยะรีไซเคิล ขยะอันตราย ขยะเปียก ขยะทั่วไป โดยจะเขียนประเภทขยะกำกับไว้ทุกครั้ง เพราะต่อให้สุดท้ายแล้วเมื่อเจ้าหน้าที่มาเก็บขยะก็เทขยะรวมกัน แต่เมื่อรถขนขยะไปยังจุดคัดแยกขยะ จะช่วยเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยต่อพนักงาน แม้เราจะไม่รู้ว่าจะช่วยได้มากแค่ไหน และเพิ่มความยุ่งยากให้ตัวเองอีกนิด แต่เชื่อไหมว่า รู้สึกยินดีและสบายใจที่ได้ทำ
แต่ใช่ว่าแยกขยะแล้วปัญหาจะจบ เพราะขยะเศษอาหาร จำพวกเศษผัก เปลือกผัก ผลไม้ เศษอาหารที่กินเหลือ หัวปลา ก้างปลา เปลือกกุ้ง น้ำซุป ฯลฯ ก็ส่งกลิ่นโชยรบกวนจมูกและจิตใจจริง ๆ ยังไม่พอ เหล่าแมลง และขบวนมดน้อยยกกันเป็นกองทัพ มาชุมนุมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ต่อให้ปิดฝาถังขยะ ก็หนีไม่พ้นจริง ๆ นะ ก่อนนำขยะไปทิ้งส่วนกลาง แม้จะใส่ถุง 2 ชั้น เพื่อกันกลิ่นและกันน้ำซึม บางครั้งก็ไม่ได้ช่วยได้มากเท่าไร แถมยังสิ้นเปลืองถุงขยะ ทำให้เพิ่มค่าใช้จ่ายไปอีก และด้วยความที่เราปลูกผักและสมุนไพรไว้ริมระเบียง เลยพยายามนำพวกขยะอินทรีย์ ทั้งเศษอาหาร เปลือกผักผลไม้ เหล่านี้มาทำปุ๋ยหมักใส่ผักและบำรุงดิน แต่เชื่อไหม มันยุ่งยากมาก ๆ เลยนะ เพราะเราไม่ได้อยู่บ้านที่มีพื้นที่กว้าง ๆ ห้องเล็ก ๆ ใจกลางเมือง ริมระเบียงแคบ ๆ ห้องนอนกับห้องครัวที่แทบจะเป็นห้องเดียวกันหากไม่มีตู้เสื้อผ้ากั้นเพื่อแยกให้เป็นสัดส่วนชัดเจน เปิดฝาถังหมักขยะที่ตั้งใจทำเป็นปุ๋ยทีไร เหม็นรบกวนจิตใจเราไม่พอ ส่งกลิ่นไปทักทายเพื่อนห้องอื่น ๆ อีก โดนบ่นบ้าง มองค้อนบ้าง และพอพยายามหาทางจัดการเรื่องกลิ่น ยังต้องใช้เวลาเป็นเดือน ๆ กว่าจะได้ปุ๋ยที่สามารถนำไปใช้ได้จริง แถมยังมีหนอนและเชื้อรา ทำให้การรักษ์โลกของเรามันซับซ้อนและวุ่นวายจนอยากล้มเลิกไปเลย
จนกระทั่งมีคนแนะนำ เครื่องย่อยเศษอาหาร ที่เรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมรักษ์โลก zero waste ช่วยกำจัดขยะอาหารแบบ 100% และยังช่วยรีไซเคิลให้สามารถนำขยะเศษอาหารนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้อีกครั้ง ด้วยการเปลี่ยนขยะเศษอินทรีย์ให้เป็นปุ๋ยหมักที่นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง เมื่อถูกป้ายยามาขนาดนี้ เราคนตัวเล็ก ๆ ที่มีฝันยิ่งใหญ่ อยากช่วยโลกให้ดีขึ้นด้วยสองมือน้อย ๆ ที่มี ก็ไม่รอช้า รีบหาข้อมูล Hass Thailand เครื่องย่อยเศษอาหารให้เป็นปุ๋ย ตามสายกรีนที่แนะนำมาทันที
หลังจากที่เราศึกษาข้อมูลอยู่พักใหญ่ ๆ ทำให้ยิ่งสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเจ้าเครื่องย่อยเศษอาหารที่ว่านี้ แทบจะเรียกว่าเป็นเครื่องหมักปุ๋ยไฟฟ้าในตัวเดียวกัน ฟังก์ชันการทำงานครอบคลุม แถมยังใช้งานง่ายมาก ๆ แค่เสียบปลั๊ก แล้วจัดการเทขยะอินทรีย์ลงเครื่องได้เลย แต่ถ้าเป็นพวกของเหลว หรืออาหารที่มีน้ำ จำพวก น้ำซุป น้ำแกง น้ำก๋วยเตี๋ยว แยกออกจากกากอาหารเสียก่อน ง่าย ๆ แค่เทส่วนที่เป็นน้ำทิ้งลงซิ้งค์ล้างจาน แล้วนำส่วนที่เป็นกากกวาดลงใส่เครื่อง จากนั้นก็กดปุ่มตามคำแนะนำบนหน้าจอ คลิกเดียวเท่านั้น เครื่องก็จะทำงานเองอัตโนมัติ เหมือนเครื่องซักผ้า ไม่ต้องเสียเวลานั่งหั่นเศษผักหรือเปลือกผลไม้ให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ เหมือนตอนทำปุ๋ยหมักด้วยตนเอง ลดขั้นตอนไปเยอะมาก ๆ ประหยัดเวลา ประหยัดถุงขยะ และประหยัดแรงเราได้มากจริง ๆ แถมยังได้ปุ๋ยหมักไปใช้งานได้เร็วสุด ๆ ไม่เกิน 2 วัน ก็สามารถตักปุ๋ยในเครื่องไปใส่ผัก บำรุงดินได้เลย ที่สำคัญ ไม่มีกลิ่น ไม่แฉะ ไม่เละ ไม่แหยะ สะอาดชนิดที่ใช้มือหยิบจับได้เลย หมดปัญหาเรื่องกลิ่นรบกวนเพื่อนบ้าน แมลงและมดทั้งหลายหมดสิทธิ์มากวนใจ ตอนแรกก็คิดว่าเครื่องจะใหญ่ ไม่น่าจะวางในห้องเช่าเล็ก ๆ ของเราได้หรอก ที่ไหนได้ ของจริงมีขนาดเล็กที่สามารถวางตรงไหนก็ได้ เรายกเองคนเดียวก็ไหว ไม่ต้องง้อขอให้ใครช่วย (ผู้หญิงอยู่คนเดียวก็พึ่งตัวเองได้สบาย ๆ ) แต่เห็นเล็ก ๆ แบบนี้ แต่การทำงานไม่เล็กนะ เพราะต่อให้นำไปใช้ในบ้านที่อยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ เจ้าเครื่องย่อยเศษอาหารนี้ก็ไม่หวั่น ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องเขาดีจริง ๆ ต้องยอมรับว่า เครื่องทำปุ๋ยจากเศษอาหาร เป็นนวัตกรรมที่ช่วยลดขยะเศษอาหารแบบ zero waste 100% จริง ๆ
ทีนี้พอไปดูราคา ถือว่าราคาสูงอยู่นะ ทำให้มานั่งพิจารณานานมาก ๆๆๆ แต่พอคำนวณค่าใช้จ่ายต่อเดือนที่เราต้องจ่ายไปกับค่าถุงขยะ ค่าส่วนกลาง ค่าเสียเวลา เอาจริง ๆ ถือว่าคุ้มอยู่นะ ยิ่งเราต้องการลดขยะเศษอาหาร ตัวการที่ทำให้เกิดมลพิษ จนกลายเป็นภาวะโลกร้อนที่สูงขึ้นแบบทะลุเพดานทุกปี ทำให้เราตัดสินใจเลือกเครื่องย่อยเศษอาหารจากแหล่งข้อมูลที่เราหาไว้ได้ง่ายขึ้น เราว่าเครื่องย่อยเศษอาหารให้เป็นปุ๋ยแบบนี้ตอบโจทย์กับสถานการณ์ของโลกเราตอนนี้จริง ๆ นะ เพราะสภาพสิ่งแวดล้อมโลกไม่สามารถทนได้ หากเราไม่เริ่มลงมือทำตอนนี้