ผ้าขนหนู หรือ ผ้าเช็ดตัว เป็นอุปกรณ์ส่วนตัวที่ทุกคนจะต้องมีใช้กันอย่างแน่นอน และเชื่อว่าคนใหญ่มักจะมีผ้าขนหนูไว้ใช้ประจำตัวอย่างน้อย 2 ผืนขึ้นไป เนื่องจากเราต้องใช้ผ้าขนหนูกันอยู่ทุกวัน การที่จะมีผ้าขนหนูเพียงผืนเดียว จึงไม่เพียงพออีกต่อไป อีกทั้งอวัยวะในแต่ละส่วนของร่างกายคนเราแตกต่างกัน จึงควรเลือกใช้ผ้าขนหนูให้เหมาะสม เพื่อสุขอนามัยที่ดี เช่น ผ้าขนหนูผืนใหญ่สำหรับเช็ดตัว และผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผม เป็นต้น 

แต่ใครเคยมีปัญหาในการเลือกซื้อผ้าขนหนูบ้าง ตอนอยู่ในร้านก็ดูสวยดี แต่พอนำมาใช้จริงกลับใช้ไม่ทน โดยเฉพาะที่จะต้องซื้อผ้าขนหนูผืนเล็กยกโหลไว้ใช้ในกิจการ เช่น ร้านเสริมสวย ร้านทำเล็บ ร้านสปา ของตัวเอง แต่ก็ไม่รู้จะเลือกซื้อแบบไหนที่ใช้ได้นานแบบคุ้มทุน ยิ่งปัจจุบันมีการผลิตผ้าขนหนูออกมาจำหน่ายกันมากมาย หลากยี่ห้อและหลายชนิดเนื้อผ้า เราจึงมีเคล็ดในการเลือกซื้อผ้าขนหนูผืนเล็กอย่างดีใช้คุ้ม และเหมาะต่อการใช้งานมาฝาก เพื่อนำไปใช้ในการพิจารณาซื้อผ้าขนหนูให้ถูกใจ

วิธีเลือกซื้อผ้าขนหนูแบบง่ายๆ 

1. ขนาดของผ้า เลือกผ้าขนหนูที่มีความกว้างและความยาว ที่เหมาะสมกับการใช้งานแต่ละประเภท เช่น 

  • ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดหน้า ขนาด 12 x 12 นิ้ว : ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก จะมีความนุ่มพิเศษ หรือใช้เป็นผ้าเช็ดมือผืนเล็ก เช่น ร้านอาหาร ภัตตาคารหรู โรงแรม ร้านนวดสปามือ ร้านทำเล็บ เป็นต้น 

  • ผ้าขนหนูผืนเล็ก ขนาด 15 x 13 นิ้ว : ผ้าขนหนูเช็ดผม จะมีความกว้างพอสมควร และมีความหนาพอประมาณ สามารถซับน้ำได้ดี เหมาะกับใช้ในร้านเสริมสวย ร้านตัดผมทุกประเภท ร้านสปา ร้านนวดแผนไทย โรงยิม ฟิสเนต สระว่ายน้ำ คลินิก ธุรกิจที่พักทุกประเภท 

  • ผ้าขนหนูเช็ดตัว ขนาด 27 x 54 นิ้ว : ผ้าเช็ดตัวขนาดมาตรฐานที่นิยมใช้ทั่วไป 

  • ผ้าขนหนูผืนใหญ่ ขนาด 30 x 60 นิ้ว : ผ้าเช็ดตัวขนาดใหญ่ สามารถใช้ได้กับผู้ที่มีรูปร่างสูงใหญ่ 

2. ลักษณะการทอ 

  • ผ้าขนหนูขนเดี่ยว มีลักษณะการทอหนึ่งฝีเข็ม ทอใช้ด้ายเส้นเดียว ทำให้เนื้อผ้าไม่ค่อยมีความแน่นมากนัก แต่ผิวสัมผัสนุ่ม นิยมใช้ภายในครัวเรือน หรือแจกเป็นของพรีเมียม 

  • ผ้าขนหนูขนคู่ มีลักษณะการทอหนึ่งเข็ม ทอใช้ด้าย 2 เส้น ทำให้เนื้อผ้าขนหนูมีความแน่น หนา ทนต่อการซัก ผิวสัมผัสจะไม่นุ่มเท่าผ้าขนหนูแบบขนเดี่ยว แต่จะซับน้ำได้ดีกว่า และทนทานต่อการใช้งาน นิยมใช้ในธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท สปา 

3. วัสดุที่ใช้ผลิต ผ้าขนหนูถูกผลิตด้วยวัสดุหลายประเภท และจะมีคุณสมบัติแตกต่างกันตามวัสดุที่ใช้ เช่น

  • เส้นใยธรรมชาติ (Natural Fiber) ได้แก่ Cotton ฝ้าย เส้นใยจากธรรมชาติแท้ เพราะเป็นเส้นใยจากต้นฝ้ายมีความอ่อนนุ่ม อ่อนโยนต่อผิวสัมผัส ไม่ระคายเคืองผิว ดูดซับน้ำได้ดี  และ Linen ลินิน จะระบายความร้อนได้ดี แห้งง่าย ไม่เก็บความชื้น  นิยมใช้กันมากในธุรกิจที่พักอย่าง โรงแรม รีสอร์ท สปา หรือแม้แต่ร้านบริการทำผม ทำเล็บ 

  • เส้นใยประดิษฐ์ (Man-Made Fiber) ได้แก่ เส้นใยกึ่งสังเคราะห์ (Rayon , Bamboo rayon ,  Bamboo charcoal) เส้นใยสังเคราะห์ (Polyester Spandex) 

4. เนื้อผ้าของผ้าขนหนู หนา นุ่ม อ่อนโยนต่อการสัมผัส ไม่ระคายเคืองผิว เบาสบาย และซึมซับน้ำได้ดี ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้จะเจอได้ในผ้าขนหนูผ้าฝ้าย ที่มักจะเป็นผ้าขนหนูโรงแรม รีสอร์ท หรือนิยมใช้ในธุรกิจสปา 

5. การซึมซับน้ำได้ดี ทำความสะอาดง่าย และแห้งไว 

6. ความเรียบร้อยในการตัดเย็บ ตะเข็บที่เย็บมีความสวยงาม เก็บเรียบร้อย ไม่ขาดหลุดรุ่ย 

7. กรณีผ้าขนหนูสีต่างๆ สีไม่ตกเมื่อทำการซัก หากสีตกแสดงว่าเนื้อผ้าและการย้อมสีไม่มีคุณภาพ และสีไม่ควรซีดจางเร็ว 

8. ความทนทาน ทนต่อการใช้งาน ทนต่อแสง ทนต่อเหงื่อ ทนต่อการหลุดลุ่ยของเส้นใย ทนต่อการซักทุกรูปแบบ และผ้าจะต้องไม่กระด้างหลังผ่านการซัก 

9. ราคาเหมาะสม สำหรับคุณภาพผ้าขนหนู และชนิดของการใช้งาน เช่น ราคาผ้าขนหนูผืนเล็กที่ไม่แพงแต่มีคุณภาพดี  

วิธีดูแลรักษาผ้าขนหนู 

การดูแลรักษาผ้าขนหนูให้ถูกวิธีก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะเราใช้ผ้าขนหนูกันอยู่ทุกวัน ใช้ซับความเปียกชื้นตามส่วนต่างๆของร่างกาย ทั้งหลังการอาบน้ำ หรือแม้แต่การใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กหลังการเล่นกิจกรรมทางกีฬา ผ้าขนหนูจึงเป็นแหล่งสะสมคราบเหงื่อไคล และมีความเปียกชื้นอยู่เสมอ จึงจำเป็นที่จะต้องให้ความใส่ใจในการทำความสะอาดผ้าขนหนูให้สะอาดน่าใช้เป็นประจำ จะได้ไม่เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค 

  • แยกผ้าขนหนูออกจากผ้าชนิดอื่นก่อนซัก เพราะเราใช้ผ้าขนหนูบ่อยกว่าผ้าชนิดอื่น จึงมีคราบสกปรกมากกว่า และป้องกันไม่ให้เส้นใยของผ้าเสียหาย หรือขุยใยผ้าไปปะปนกับผ้าชนิดอื่น  

  • เลือกใช้ผงซักฟอกคุณภาพดี และเลือกใช้ให้ตรงกับเนื้อผ้า ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ซักทำความสะอาดที่ถูกพัฒนาให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งที่กำจัดแบคทีเรียในเนื้อผ้า กำจัดกลิ่นอับแม้จะตากในที่ร่ม ขจัดคราบฝังแน่น อย่างการนำเทคโนโลยีซิลเวอร์ นาโน ที่ช่วยในเรื่องคราบฝังแน่นและกลิ่นอับของผ้า โดยเฉพาะการซักผ้าตากในช่วงหน้าฝน 

  • ใช้น้ำร้อนประมาณ 60 องศาเซลเซียส สำหรับการซักล้างผ้าเพื่อขจัดเชื้อราและแบคทีเรีย และยังช่วยให้คราบสกปรกหลุดออกได้ง่ายขึ้น 

  • ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม เคล็ดลับในการทำให้ผ้าขนหนูยังคงนุ่มฟู ไม่แข็งกระด้างหลังการซัก แต่ควรเลือกใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีความอ่อนโยน ไม่มีสารเคมีที่แรงเกินไป เพราะอาจทำลายใยผ้าได้ น้ำยาปรับผ้านุ่มนอกจากจะช่วยให้ผ้าขนหนูนุ่มฟู แต่ยังทำให้ผ้ามีกลิ่นหอมน่าใช้ยิ่งขึ้นอีกด้วย 

  • ตากแดดจัด แสงแดดจะช่วยกำจัดเชื้อราและแบคทีเรียได้เป็นอย่างดี ช่วยขจัดกลิ่นเหม็นอับของเนื้อผ้า แดดจัดๆจะทำให้ผ้าเช็ดตัวมีกลิ่นหอมธรรมชาติ หรือกลิ่นหอมแดด และการตากแดดจัดจะทำให้เส้นใยของเนื้อผ้าไม่อุ้มน้ำนาน ช่วยยืดคุณภาพของใยผ้าให้ใช้ได้ยาวนานขึ้น 

เพราะผ้าขนหนูเป็นสิ่งที่สัมผัสกับผิวเรามากที่สุด และยังเป็นเครื่องประดับของกิจการได้เป็นอย่างดี ดังนั้น นอกจากการพิถีพิถันในการเลือกซื้อผ้าขนหนู อีกสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่งคือ คุณภาพและมาตรฐานของโรงงานผ้าขนหนูที่ผลิต เพราะจะเป็นสิ่งที่ช่วยการันตีให้มั่นใจว่าผ้าขนหนูที่ได้มีคุณภาพ สะอาด มีมาตรฐาน แข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้อย่างคุ้มค่า คุ้มราคา และคุ้มทุน